ปัญหาเรื่องฟัน หรือทันตกรรม เช่น ฟันผุ ปวดฟัน ฟันน้ำนมหลุด ฟันเก ฯลฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของเด็กๆ เพราะเป็นวัยที่ยังไม่สามารถดูแลฟันได้ดีเท่าผู้ใหญ่ และอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากฟันน้ำนมไปสู่ฟันแท้

ดังนั้นพ่อแม่จึงควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับบริการทางทันตกรรมเด็กเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อพาลูกไปรักษาให้ทันเวลา และเลือกบริการได้อย่างเหมาะสม เพราะฟันเป็นอวัยวะสำคัญ หากปล่อยให้เกิดปัญหาสะสมนานๆ ก็จะทำให้ลูกใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ ได้

มาดูกันดีกว่ากันว่า บริการทางทันตกรรมเด็กที่พ่อแม่ควรรู้จัก มีอะไรบ้าง?

ทันตกรรมเด็ก: ให้คำแนะนําเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก

          เมื่อพูดถึงบริการทางทันตกรรมเด็ก พ่อแม่บางคนอาจคิดว่า ต้องเป็นบริการที่ใช้เครื่องมือมาเคลือบ อุด ผ่า หรือดัดฟันเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ในหลายคลินิกทันตกรรม มีบริการที่เรียกว่า “การให้คำแนะนำ” ด้วย โดยทันตแพทย์จะให้คำแนะนำ และความรู้ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก ให้กับทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง และลูก เช่น วิธีการแปรงฟันอย่างถูกวิธี การทานอาหารให้เหมาะสม การตรวจสุขภาพฟัน เป็นต้น  เพราะบางครั้งการค้นคว้าข้อมูลด้วยตัวเองก็อาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ทันตกรรมเด็ก: เคลือบฟลูออไรด์

            แม้ว่าในบางโรงเรียน จะมีบริการเคลือบฟลูออไรด์ฟ้องกันฟันผุ ฟรีให้กับเด็กๆ แต่ด้วยความถี่ในการเข้ารับบริการ อาจทำให้ฟลูออไรด์ที่เคลือบฟันไปแล้ว มีประสิทธิภาพการทำงานไม่ดีพอ

ดังนั้น ถ้าอยากให้ลูกมีฟันแข็งแรงสมวัย พ่อแม่ควรพาลูกไปเคลือบฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอที่คลินิกทันตกรรมเด็ก

ทันตกรรมเด็ก: เคลือบหลุมร่องฟัน

            เด็กที่มีหลุมบนฟัน ฟันไม่เรียบเสมอกัน มีโอกาสเสี่ยงที่จะฟันผุได้มากขึ้น เพราะเศษอาหารจะเข้าไปอุดตามร่องฟันได้ง่าย ถ้าแปรงฟันไม่สะอาด ก็จะทำให้ฟันผุได้ง่ายๆ ดังนั้นพ่อแม่สามารถพาลูกไปเคลือบหลุมร่องฟัน ที่คลินิกทันตกรรมเด็ก

            ทั้งนี้ การเคลือบหลุมร่องฟัน จะใกล้เคียงกับการอุดฟัน เพียงแต่เป็นวิธีที่จะทำเพื่อป้องกันฟันผุ หรือก่อนเกิดฟันผุ ส่วนการอุดฟัน จะเป็นการซ่อมแซมฟันหลังจากที่ผุไปแล้ว ทั้งนี้ การเคลือบฟันสามารถทำพร้อมอุดฟันได้ ในกรณีที่ต้องการป้องกันไม่ให้เนื้อฟันบางส่วนที่ยังไม่ผุ เกิดการผุไปตามส่วนอื่นๆ

ทันตกรรมเด็ก: อุดฟันน้ำนม

          การอุดฟันน้ำนม เป็นบริการทางทันตกรรมเด็ก ที่ช่วยซ่อมแซมฟันน้ำนมที่เกิดการผุพังไปแล้ว ให้สามารถใช้งาน และมีความสวยงามใกล้เคียงของเดิม โดยมีวัสดุที่นิยมใช้กันอยู่ 3 ประเภท คือ คอมโพสิตเรซิน  และกลาสไอโอโนเมอร์

ทันตกรรมเด็ก: ครอบฟัน

            สำหรับเด็กที่ฟันผุรุนแรง สูญเสียเนื้อฟันไปเยอะ จนทำให้ฟันผิดรูป และไม่สามารถรักษาด้วยการอุดฟันได้ แต่โพรงประสาทฟันยังใช้งานได้อยู่ ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ครอบฟัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ฟันในซี่นั้นๆ

ทันตกรรมเด็ก: ถอนฟันน้ำนม

            ปกติแล้ว การถอนฟันน้ำนม จะใช้ในการรักษาเด็กที่มีฟันน้ำนมผุรุนแรง จนไม่สามารถอุดหรือครอบฟันได้แล้ว แต่ทุกวันนี้ ก็สามารถใช้กับเด็กที่ต้องการเคลียร์ฟันน้ำนมเพื่อรอให้ฟันแท้ขึ้นได้เช่นกัน เพราะบางครั้ง เด็กบางคนก็มักจะสบปัญหาฟันน้ำนมหลุดช้า จนทำให้ฟันแท้ขึ้นซ้อนกับฟันน้ำนม 

ทันตกรรมเด็ก: รักษารากฟัน

          เพราะบางครั้งฟันผุไม่ได้ทำลายแค่เนื้อฟัน แต่ยังได้ทำลายลึกไปถึงโพรงประสาทฟัน และรากฟัน ซึ่งจะทำให้เด็กเจ็บปวดมาก และอาจส่งผลร้ายต่อฟันที่จะขึ้นใหม่ในอนาคต เช่น ฟันไม่แข็งแรง ฟันผิดรูป ปวดฟันเรื้อรัง เป็นต้น

ดังนั้นการรักษารากฟัน จึงเป็นวิธีการดูแลรักษาฟันผุที่ไม่ควรมองข้าม แต่ทั้งนี้ก็ควรเข้ารับการรักษากับคลินิกทันตกรรมเด็กที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะรากฟันมีความสำคัญมากกว่าที่คิด และเกี่ยวข้องกับระบบประสาทหลายส่วน

ทันตกรรมเด็ก: จัดฟัน

            สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกมีฟันที่เรียงตัวสวยงาม และมีฟันที่เจริญเติบโตอย่างเหมาะสม ไม่มีปัญหาฟันเกิน ฟันเก ฟันซ้อน ที่คลินิกทันตกรรมเด็กก็มีบริการจัดฟัน

            โดยช่วงอายุของเด็กที่เหมาะกับการจัดฟันสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (AAO) แนะนำว่าควรเป็นช่วงอายุ 7 ขวบขึ้นไป

            อย่างไรก็ตาม ถ้าพ่อแม่ไม่แน่ใจว่าควรพาลูกไปรับบริการทันตกรรมเด็กที่ไหนดี เราแนะนำให้เลือกคลินิกทันตกรรมเด็กที่มีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็ก และมีการบริการแบบครบวงจร เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตรงจุด รวมถึงประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ในการหาคลินิกใหม่ๆ เพิ่มเติมอีก