หากมีอาการหูตึง ควรทำอย่างไร?

การรักษาหูตึงจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยหากสาเหตุของหูตึงเกิดจากสิ่งที่สามารถรักษาได้ เช่น การติดเชื้อ แพทย์จะรักษาการติดเชื้อให้หายก่อน ซึ่งอาจทำให้การได้ยินกลับมาเป็นปกติได้หากสาเหตุของหูตึงเกิดจากเสียงดัง แพทย์อาจแนะนำให้ใส่อุปกรณ์ป้องกันหูเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้การสูญเสียการได้ยินแย่ลงหากหูตึงเป็นรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยการผ่าตัดประสาทหูเทียม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของประสาทหูและทำให้สามารถได้ยินเสียงได้ดีขึ้นนอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยชะลอการเสื่อมการได้ยินและช่วยให้สามารถได้ยินเสียงได้ดีขึ้น เช่น สำหรับอาการหูตึงในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติของการเสื่อมสภาพของร่างกาย ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถชะลอการเสื่อมการได้ยินได้ด้วยการใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งจะช่วยขยายเสียงให้ดังขึ้นและทำให้สามารถได้ยินเสียงได้ดีขึ้น หากพบว่าตนเองมีอาการหูตึง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและความรุนแรงของอาการหูตึง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันไม่ให้การสูญเสียการได้ยินแย่ลง ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีอาการหูตึง

พูดคุยกับผู้อื่นอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น : เมื่อพูดคุยกับผู้อื่น ผู้หูตึงควรพยายามอยู่ใกล้กับคู่สนทนา เพื่อให้ได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น โดยควรอยู่ห่างจากคู่สนทนาไม่เกิน 1 เมตร และหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนและเข้าใจถ้อยคำได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดคุยกับเพื่อนที่ร้านอาหาร แทนที่จะนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม ควรย้ายมานั่งใกล้ๆ กัน เพื่อให้ได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น

ถามซ้ำหากไม่ได้ยินหรือเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด : หากไม่ได้ยินหรือเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด ผู้หูตึงไม่ควรลังเลที่จะถามซ้ำ โดยควรขอร้องคู่สนทนาให้พูดช้าๆ ชัดๆ หรือพูดใหม่อีกครั้ง ตัวอย่างเช่นเมื่อเพื่อนชวนไปทานข้าวเย็น ผู้หูตึงอาจถามซ้ำว่า “จะไปทานข้าวเย็นที่ไหน” เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจ correctly

ฝึกอ่านริมฝีปากของผู้อื่น : การอ่านริมฝีปากเป็นทักษะที่ช่วยให้ผู้หูตึงเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดได้ดีขึ้น โดยผู้หูตึงควรฝึกอ่านริมฝีปากของผู้อื่นเป็นประจำ เพื่อให้สามารถจับการเคลื่อนไหวของริมฝีปากและลิ้นได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่นเมื่อดูข่าว ผู้หูตึงอาจฝึกอ่านริมฝีปากของพิธีกรหรือผู้ประกาศข่าว เพื่อติดตามเนื้อหาของข่าว

เรียนรู้วิธีการสื่อสารด้วยภาษามือ : ภาษามือเป็นระบบการสื่อสารที่ใช้ท่าทางและการแสดงออกของใบหน้าเพื่อสื่อความหมาย การเรียนรู้วิธีการสื่อสารด้วยภาษามือจะช่วยให้ผู้หูตึงสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตัวอย่างเช่น ผู้หูตึงอาจเข้าร่วมชมรมหรือกลุ่มสอนภาษามือ เพื่อเรียนรู้วิธีการสื่อสารด้วยภาษามือ

เข้าร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้หูตึง : การเข้าร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้หูตึงจะช่วยให้ผู้หูตึงได้พบปะกับผู้อื่นที่มีประสบการณ์คล้ายกัน ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสามารถเรียนรู้เคล็ดลับและเทคนิคต่างๆ ในการรับมือกับภาวะหูตึง ตัวอย่างเช่น ผู้หูตึงอาจเข้าร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มสนับสนุนที่จัดโดยองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนหูหนวก

การสูญเสียการได้ยินอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการสื่อสารได้ ดังนั้นผู้ที่มีอาการหูตึงควรเข้ารับการรักษาและดูแลสุขภาพการได้ยินอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะสามารถได้ยินเสียงและใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

September 21, 2023 Lonnie Lewis